ประวัติจังหวัดภูเก็ต
"ภูเก็ต" ได้มีการค้นพบหลักฐานทางโบราณคดี ที่บ้านกมลา อำเภอกระทู้ จังหวัดภูเก็ต ซึ่งได้ขุดพบเครื่องมือหินและขวานหิน เป็นการแสดงให้ทราบว่ามีมนุษย์อาศัยในดินแดนแถบนี้ไม่ต่ำกว่า 3,000 ปีมาแล้ว และได้มีหลักฐานการกล่าวถึงดินแดนในแถบนี้อีกครั้ง เมื่อปี พ.ศ. 700 หรือคริสต์ศตวรรษที่ 2 ในบันทึกของนักเดินเรือ ชื่อ คลอดิอส ปโต เลมี กล่าวถึงผืนดินหรือแผ่นดินในส่วนนี้ว่า "แหลมตะโกลา" เป็นผืนแผ่นดินที่ถูกดันออกมาทางใต้กลายเป็นแหลมยาว ๆ อยู่ส่วนปลายสุดของจังหวัดพังงา อันเนื่องมาจากการเคลื่อนไหวของรอยเลื่อนของเปลือกโลกขนาดใหญ่ ที่เรียกว่า รอยเลื่อนคลองมารุย (Klong Marui Fault) ซึ่งวางตัวเป็นแนวยาวจากจังหวัดสุราษฎร์ธานีและพังงา ลงมาทางทิศตะวันออกของภูเก็ต ต่อมาได้ถูกคลื่นลมในทะเลกัดเซาะ และตัดพื้นที่ดังกล่าวนี้ออกจากผืนแผ่นดินใหญ่ จนกลายเป็นเกาะโดยเกิดร่องน้ำระหว่างจังหวัดภูเก็ตและพังงาขึ้น ที่เรียกว่า ช่องแคบปากพระ (เป็นร่องน้ำแคบ ๆ โดยส่วนลึกที่สุดลึกเพียง 8 - 9 เมตร) ในปัจจุบัน
สำหรับการเรียกขานภูเก็ตของชาวต่างประเทศในอดีต นอกจากจะปรากฎในบันทึกเมื่อปี พ.ศ. 700 ของนักเดินเรือ คลอดิอส ปโตเลมี ที่เรียกผืนแผ่นดินในบริเวณนี้ว่า "แหลมตะโกลา" แล้ว ได้มีปรากฎหลักฐานการกล่าวถึงแผ่นดินในบริเวณนี้อีกครั้ง จากบันทึก และแผนที่การเดินเรือมาเอเชียตะวันออกของชาติยุโรป ระหว่าง พ.ศ. 2507 - 2397 เรียกผืนดินนี้ว่า "จังซีลอน" นอกจากนี้ ได้มีหลักฐานเกี่ยวกับการเรียกขานผืนดินนี้ของชาวทมิฬในปี พ.ศ. 1568 ว่า "มณีคราม" หมายถึงเมืองแก้ว ซึ่งมีความหมายตรงกับชื่อ "ภูเก็จ" ซึ่งได้ปรากฎในราชกิจจานุเบกษามาตั้งแต่ พ.ศ. 2450 เป็นต้นมา
ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า ชื่อของจังหวัดภูเก็ตที่ได้มีการกล่าวขานตั้งแต่ในอดีตจนกระทั่งถึงปัจจุบันนั้น ประกอบด้วยแหลมตะโกลา มณีคราม จังซีลอน ภูเก็จ และภูเก็ต ซึ่งในบางครั้งได้มีการเรียกขานว่า สิลัน ถลาง และทุ่งคาร่วมด้วย
|